การใช้สื่อออนไลน์ Facebook ล่อลวงเหยื่อให้ลงทุนในหุ้นทองคำบนแพลตฟอร์มเทรดปลอม arrtd.com

ผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน โดยกล่าวหาว่านายสวาทธ์ ภิญโญและพวก ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประสงค์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เนื่องจากผู้เสียหายได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงในลักษณะลงทุนเทรดหุ้นทองคำ ซึ่งถูกหลอกให้โอนเงินลงทุนจำนวนมาก

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 10:00 น. ขณะที่ ผู้เสียหาย กำลังเล่นเฟสบุ๊ค ผู้เสียหายได้พบโพสต์จากเพจชื่อ “Aurora Gold Trading and Jewery” มีการชักชวนให้ลงทุนในหุ้นทองคำโดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงและเกิดความสนใจ ผู้เสียหายจึงได้ส่งข้อความแชทผ่านทาง Facebook Messenger ไปยังเพจดังกล่าว หลังจากที่ผู้เสียหายแชทกับเพจ ทางเพจได้ให้ผู้เสียหายเพิ่มบัญชีไลน์ที่ใช้ชื่อว่า “นุ่น ชลิดา รัตนากร” ซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) และได้ชักชวนผู้เสียหายให้เปิดพอร์ตการลงทุน โดยผู้เสียหายได้รับคำแนะนำว่า การลงทุนนี้จะได้รับผลตอบแทนทันที 30-35% จากการเทรด

ผู้เสียหายสนใจและตัดสินใจโอนเงินจำนวน 10,000 บาทไปยังบัญชีธนาคาร CIMB ที่ชื่อบัญชีของสุดา แทบทับ เพื่อเปิดพอร์ตการลงทุน หลังจากนั้นผู้เสียหายถูกแนะนำให้พูดคุยกับอีกคนหนึ่งที่แนะนำตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยบัญชีไลน์ของเขาใช้ชื่อว่า “นิรุตตีต์ ปีติไพสาร” ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้วิเคราะห์และวางแผนการลงทุน ผู้เชี่ยวชาญนี้ได้ขอข้อมูลส่วนตัวของ ผู้เสียหาย เพื่อสมัครสมาชิกให้ผู้เสียหายบนแพลตฟอร์ม arrtd.com (ซึ่งปัจจุบันถูกปิดไปแล้ว) โดยเริ่มแรกผู้เสียหายได้รับคำแนะนำให้ซื้อหุ้นตามที่แนะนำ และเมื่อผู้เสียหายเทรดตามคำแนะนำ ผู้เสียหายทำกำไรได้ถึง 6,050 บาท โดยผู้เชี่ยวชาญได้ขอค่าช่วยเทรดเป็นเงิน 1,815 บาท ซึ่งผู้เสียหายก็โอนให้

จากนั้นผู้เสียหายก็ได้เข้าไปยังเว็บ เพื่อทำการถอนกำไรจำนวน 6,050 บาท (หักค่าธรรมเนียมเหลือ 6,000 บาท) ซึ่งก็สามารถทำการถอนได้ปกติ หลังจากที่สามารถทำกำไรได้และสามารถถอนกำไรออกมาได้จริง ทำให้ผู้เสียหายเริ่มเชื่อใจและถูกชักชวนให้ลงทุนเพิ่ม โดยผู้เสียหายได้ทำการโอนเงินเพิ่มอีก 4 ครั้ง รวมมูลค่าเกือบ 200,000 บาท โดยโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ที่ใช้ชื่อบุคคลหลายคน เช่น นายศราวุธ แสนพูวา และ น.ส.ศุภลักษณ์ ไพยพัตร

ในระหว่างที่ผู้เสียหายลงทุน เงินที่ผู้เสียหายเติมเข้าไปในแพลตฟอร์มถูกแปลงเป็นเครดิตที่ผู้เสียหายสามารถใช้ซื้อหุ้นได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าผู้เสียหายมียอดเงินที่สามารถถอนออกได้เป็นจำนวนกว่า 1.75 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงิน ผู้เชี่ยวชาญได้อ้างว่ามีค่าบริการพาเทรดและขอเงินเพิ่มจำนวน 120,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายก็โอนให้ หลังจากโอนเงินค่าบริการแล้ว ผู้เชี่ยวชาญได้แจ้งว่าผู้เสียหายลืมใส่บันทึกช่วยจำลงในสลิปการโอนตามที่ได้แจ้งไว้ ทำให้ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จะต้องโอนเงินใหม่จำนวน 120,000 บาท ผู้เสียหายแม้เงินส่วนตัวจะหมดแล้วแต่ด้วยต้องการเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดคืน จึงไปหายืมเงินจากคนสนิทเพื่อโอนเงินให้ตามคำขอ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้เสียหายจะโอนเงินไปแล้วก็ยังไม่สามารถถอนเงินได้ คนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายต้องจ่ายภาษีการลงทุนเพิ่มเติมอีก 300,000-400,000 บาท ผู้เสียหายเริ่มสงสัยว่าผู้เสียหายถูกหลอกลวง แต่ยังมีความลังเลเนื่องจากยังคงติดต่อกับคนร้ายได้ผ่านทางไลน์ แต่สุดท้ายผู้เสียหายพบข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและคำปรึกษาจากคนรู้จักที่ทำให้มั่นใจว่าผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง

ผู้เสียหายระบุว่าผู้เสียหายโอนเงินให้คนร้ายทั้งหมด 8 ครั้ง รวมมูลค่า 513,082 บาท โดยผู้เสียหายได้รับเงินคืนเพียงครั้งเดียวเป็นจำนวน 6,000 บาท ทำให้ผู้เสียหายเสียหายสุทธิเป็นเงิน 507,082 บาท ผู้เสียหายจึงตัดสินใจแจ้งความเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสืบสวนหาตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้เสียหายยังมอบหลักฐานการแชทและการโอนเงินให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ในการสืบสวนต่อไป

แม้ว่าจะมีการแจ้งเตือนถึงการถูกหลอกลวง คนร้ายยังคงติดต่อผู้เสียหายเพื่อขอเงินเพิ่มโดยให้กำลังใจและพยายามสร้างความมั่นใจให้ผู้เสียหายยังคงเชื่อใจ ทั้งนี้ เมื่อผู้เสียหายค้นหาข้อมูลและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจึงตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมาย สรุปแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นกรณีหลอกลวงทางการเงินที่ใช้ความซับซ้อนของเทคโนโลยีและการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ในการล่อลวงผู้ลงทุน โดยผู้กระทำผิดใช้แพลตฟอร์มเทรดหุ้นปลอมและข้อมูลที่ทำให้เหยื่อเชื่อว่าเป็นการลงทุนจริง